12.22.2551

มาเถอะ...ความเจ็บปวด

ชีวิตช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ขอต้อนรับความเจ็บปวดและเชื้อเชิญให้มาดื่มด่ำกับพิษรักร่วมกัน

ในห้องแห่งการรักไม่เป็น ณ ซอกหลืบของห้องนั้น ปรากฏ
ความตาย...
ช่วงเวลาแห่งการรอคอย เพื่อการเกิดใหม่

ช่วงเวลานี้ บนเส้นทางที่แสนโดดเดี่ยว
ก็ต้องยอมรับและเผชิญกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่เราไม่อาจควบคุมได้
มาเถอะ...ความเจ็บปวด
โปรดกัดกินตัวตนและความอหังกาของฉันให้หมดไป

ใครจะเข้าใจได้?
แต่กระนั้นก็ยังคงขอบคุณ พี่สาวและน้องสาว
ที่ร่วมเป็นสักขีพยานแห่งความเจ็บปวดนี้
อ้อมกอดที่มีให้อย่างไม่ตัดสิน

นี่แหละ..คือสิ่งที่จะทำให้เราได้เกิดใหม่ในห้วงรักที่ไม่มีเงื่อนไข
สู่ประตูห้องแห่งการรักเป็น
อย่างน้อยสิ่งที่มี ก็คือ การได้รักใครสักคน

12.15.2551

เพาะชีวิตและความรัก


















มีโอกาสไปร่วมงาน ระพีเสวนา:การเรียนรู้เพื่อความเป็นไท
อาจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ กล่าวปาฐกถาได้บาดลึกโดนใจ
กระแทกหัวใจคนที่ทำงานด้านการศึกษาอย่างเราเอามากๆ

แม้ตอนนี้จะถ่ายทอดถ้อยคำที่อาจารย์กล่าวไว้ไม่ได้
แต่รู้สึกได้ว่า ถ้อยคำของอาจารย์ได้มาอยู่ในเนื้อในตัวของเราแล้ว

"เพาะชีวิตในการศึกษา เพาะความรักในการศึกษา"

เรารู้สึกว่า ตอนนี้เราทำงานที่เสมฯ
เรากำลังเพาะชีวิตและความรักของตัวเองและผู้อื่นอยู่

แล้วอีกไม่ช้าไม่นาน เราจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว
เราจะยังคงเพาะชีวิตและความรักให้กับตัวเองและผู้อื่นได้มั๊ย

ขอบคุณเสมฯที่ได้หยิบยื่นโอกาสให้เราได้ฝึกบ่มเพาะชีวิตและความรัก
เราจะยังเพาะชีวิตและความรักต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม...

12.10.2551

เท้าเดินทาง บนทางอันหนาวเหน็บ

ดาลัด-เวียดนาม เมืองแห่งดอกไม้ ท่ามกลางขุนเขาและทิวสน
มีทะเลสาบกว้างที่กลางเมือง มีผู้คนมาเดินวิ่งออกกำลังกาย

เราค่อยๆ เดินบนทางเท้ารอบทะเลสาบนั้น
แสงแห่งตะวันค่อยๆ หมดไป
ความมืดมิด แสงนีออน แสงดาวเดือน
และลมหนาวกำลังเข้ามาแทนที่

เท้าที่เดินกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศที่อ้อมล้อมไปด้วยสายน้ำ
ร่างกายกำลังพูดคุยตอบโต้กับสายลมหนาว
สายลมพัดผ่าน ไม่เพียงบาดผิวกาย แต่ยะเยือกถึงขั้วหัวใจ
มือสองข้างซุกซ่อนอยู่ภายใต้กระเป๋าเสื้อไหมพรมตัวเล็กๆ
เพื่อหลบลี้จากลมหนาว
แต่ดูเหมือนไม่ได้ผล ยังคงสะท้านทั้งกายและใจ

ผู้คนเริ่มเดินห่างออกไป-ออกไป
เป็นเพราะเราเดินช้าลงหรือว่าเขาเหล่านั้นเดินเร็วขึ้นนะ
ไกล-ไกล เมื่อไหร่จะครบรอบทะเลสาบแห่งนี้
ทำไมมันกว้างอย่างนี้นะ...
หรือเพราะลมหนาวและการเดินทางอันเดียวดาย
ทำให้ใจรู้สึกว่า ทางมันไกลและเหน็บหนาว

คิดถึงห้องพัก น้ำอุ่นๆและผ้าห่มอันอบอุ่นที่บ้านพักจัง

ค่อยๆ เดินไปนะ
ไปด้วยกันนะ...ลมหนาว
เดินเคียงข้างกันไปนะ...ความมืด
อยู่ด้วยกันนะ...ความเดียวดาย

ทางเท้านี้ วนรอบทะเสสาบ กว้างและไกล
แต่สิ้นสุดตรงจุดที่เราเริ่มต้นเดิน
แต่เท้าที่นำพาเราก้าวเดิน บอกว่า
ทางชีวิตที่เราต้องเดินยังอีกยาวไกล หนาวเย็น มืดมิด
และเดียวดายมากกว่านี้

จะทนได้ไหม... ใจกาย

เดิน เดิน ต่อไป
ไม่ว่าจะต้องเหน็บหนาว อ้างว้าง มืดมนบนเส้นทางสักเท่าใด
ในเมื่อมีหัวใจที่ยังเต้นอุ่นๆ อยู่ในร่างกาย
โอบกอดหัวใจดวงนี้ไว้ แล้วปล่อยให้ใจกายนำพาเราให้เดินต่อไป

อีกไม่ช้า ไม่นาน วันคืน ฤดูกาลก็จะหมุนเวียนเปลี่ยน
รอบแล้วรอบเล่า แต่เท้าของเราก็ยังคงเดินต่อไป จนกว่าร่างกายนี้จะดับสูญ
แล้วจิตวิญญาณดวงนี้จะก้าวเดินในร่างต่อไป

เดิน เดิน ต่อไป

ฮัลโหล..เวียดนาม ณ ดาลัด





















ลี้ภัยการเมือง มาเที่ยวเวียดนาม

"ดาลัด" เมืองแห่งดอกไม้ ท่ามกลางขุนเขาและทิวสน
บ้านน้อย-หลังเล็กน่ารัก ปลูกเรียงรายทั่วเมือง
เดินเล่นรอบทะเลสาบกว้างกลางเมือง
ลมหนาวพัดผ่าน หนาวสุดขั้วหัวใจ
คิดถึงใครบางคนที่คงกำลังหนาวอยู่ในที่อีกแห่งหนึ่ง

ทุกอย่างที่นี่ ดูเนิบช้า
แสงสุดท้ายของวัน ณ ทะเลสาบกลางเมืองดาลัด ทาบทอที่เส้นขอบฟ้า
อีกไม่กี่นาทีความมืดมิด แสงเดือนดาวจะมาเยือน
เพื่อจะบอกว่า แสงอบอุ่นแห่งยามเช้าจะมาแทนที่ลมหนาวในค่ำคืน

"ดาลัด" แล้วเราจะพบกันอีกครั้ง ในคืนวันที่ฉันยังมีแรงเดินทาง

12.03.2551

รัก...ที่ไม่อาจรัก

ทุกๆ ครั้งที่ฉันเห็นเธอต้องเจ็บปวดรวดร้าวใจ

ฉันได้แต่นั่งกอดเข่าและเฝ้าอธิษฐานให้ความเจ็บปวดนั้นจงจางคลาย

ฉันเฝ้ารอ...จนถึงห้วงขณะสุดท้าย

เพื่อให้เธอได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ฉันไม่อาจจะบอกออกไปได้

และฉันไม่รู้จะบอกอย่างไร

ว่าทำไมเราจึงไม่อาจย้อนกลับไปเป็นเราเหมือนเดิม...เฉกเช่นวันเก่าๆ ได้

ฉันจะขอยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว

ถ้าทำให้ใครต้องเจ็บปวด

ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยต้องการ...ให้มันเป็นอย่างนั้นเลย

*จากบางส่วนของบทเพลง Bizerra Love Tringle

11.21.2551

BeFore...คุ้นๆ















เพิ่งดู Before Sunrise & Before Sunset จบ
ดูจบแล้ว ก็คุ้นๆว่า "เราเคยดูแล้วนี่หว่า..."
นานมาแล้ว แต่จำไม่ได้ว่า ที่ไหน อย่างไร กับใคร รู้แต่ว่าดูแล้ว...

คุ้นๆ
คุ้นกับบางคน ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันได้ไม่นาน แต่มันรู้สึกได้
คุ้นกับบางสถานที่ ทั้งที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก แต่มันรู้สึกได้
คุ้นกับบางเหตุการณ์ ที่เรารู้สึกได้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป
คุ้นเคยในความรู้สึก คุ้นเคยในสัมผัส
ทำให้เราวางใจต่อกันอย่างน่าประหลาดใจ

รู้สึกคุ้นจริงๆ...
ถามหน่อยสิ...คุ้นๆ เหมือนกันมั๊ย
คุ้นๆว่า เราก็เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

ความรู้สึกคุ้นๆ นี่แหละ...ที่เป็นแรงดึงดูดใจ
ให้ทุกอย่างเดินทางมาใกล้กัน

11.20.2551

ห้องที่แสนธรรมดา


















ภาพที่เพื่อนโผเข้าสวมกอดกันและกันในห้วงเวลาแห่งการจากลา
ห้องคิงปาล์ม อบอวลไปด้วยความรัก มิตรภาพ
กอดกันแล้วกอดกันอีก ราวกับว่า...นี่จะเป็นการพบเจอกันครั้งสุดท้าย

พี่เล็กบอกว่า เมื่อพวกเราเดินออกจากห้องนี้ไป สิ่งที่เหลืออยู่คือ ความเหงา

...

กลับมาถึงบ้าน นั่งทานข้าวเย็นคนเดียว
เหงา...
เป็นแบบที่พี่เล็กบอกจริงๆด้วย
แต่เป็นความเหงาที่อุ่นๆ
ไม่ได้แย่อย่างที่คิดสักหน่อย
คงเป็นเพราะรอยไออุ่นจากอ้อมกอดของเพื่อนยังคงอยู่
ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในเนื้อ ในใจเรานั่นเองมัง

ขอบคุณเดียร์สำหรับอ้อมกอดที่ทำให้เรารู้สึกดีมากๆ
ขอบคุณพี่ปอ สัมผัสและสายตานั้นบอกให้รู้ว่า
ไม่ต้องพูดอะไรมาก เราก็เข้าใจความรู้สึกของกันและกันดี
และขอบคุณอีกหลายบทเรียน หลากความรู้สึกที่เพื่อนได้มอบให้
ที่ทำให้ห้องคิงปาล์มที่แสนจะธรรมดา
กลายเป็นห้องที่ธรรมดาเหมือนเดิม แต่แสนพิเศษสำหรับเจน

ไว้เจอกันที่เชียงราย...
หนาวนี้มีเพื่อนไว้ ให้ใจอุ่น

11.11.2551

อุ่นในลมหนาวแรก

ลมหนาวภายใต้ดาวเดือน
พัดพริ้ว...

เย็นเพียงผิวกาย แต่ใจกลับอุ่น
รอยอุ่นริน-ริน ในหัวใจ
มิตรภาพไหลผ่านเข้ามาอย่างเนิบช้า
ดูหนักและแน่น ตราตรึงในความรู้สึก
อ่อนละมุนด้วยอ้อมกอดของผองเพื่อน

หรือจะเป็นเพราะ...
เราอยู่ภายใต้แสงดาว ในลมหนาวกลางแสงเดือน
แค่เพียงมีคนเดินข้างกาย ก็อุ่นใจเหลือเกิน

สวัสดีลมหนาวแรกของปี
ขอลมหนาวนี้พัดผ่านไป ให้ถึงคนไกลๆทั้งที่เรารักและรักเรา
ให้ลมสัมผัสลูบไล้ ให้ผิวกายเย็นสบาย แต่ให้ใจอุ่นๆ

10.23.2551

มาบอกอะไร...ในเช้าที่กำลังจะสดใสแล้วเชียว

















เจน:สวัสดีค่ะ เสมรามฯค่ะ
...:ศพพ.ที่รามคำแหงใช่ป่าวค่ะ ถ้ายังไม่พร้อม
ตอนนี้4-5สัปดาห์ ไปเอาออกได้ไหมค่ะ
เจน:.....???
อะไรนะคะ ติดต่อเรื่องอะไรนะคะ
...:คือเพื่อนให้เบอร์มาน่ะคะ บอกว่าถ้ายังไม่พร้อมให้ติดต่อที่นี่
ที่นั่นรับวางแผนครอบครัวใช่ป่าวค่ะ คือยังไม่พร้อมจะเอาไว้น่ะ
ตอนนี้ประมาณ4-5สัปดาห์ ไปที่นั่นจะรับเอาออกให้มั้ยค่ะ
ต้องทำไงบ้าง
เจน:....<งง>???
ที่นี่..ทำเรื่องฝึกอบรมนะคะ
...:ไม่ใช่คลีนิคเหรอค่ะ ขอโทษค่ะ

......
สิ้นสุดเสียงใสๆ ที่รีบวางสายลง
หัวใจดูว่างโหวง
สั่นไหวแบบแปลกๆ
ฮือ...เกิดอะไรขึ้น???

ความสงสารแล่นจับที่ขั้วหัวใจ
เค้าคนนั้นคงสับสนกว่าเราอีกกระมัง
ศีลธรรม กับ ความไม่พร้อม

ชีวิต คือ อะไร...
มีอะไรต่อมิอะไร ใครต่อใคร ผ่านเข้ามามากมายในชีวิต
แล้วก็มักจะมีทางแยกให้เราต้องเลือกเดินเสมอ
เราไม่อาจหยุดอยู่ตรงทางแยกนี้ได้
เราต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ที่อาจจะเจ็บปวดพอๆกันทั้งสองทาง
และชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

ยังมีทางเลือกที่สาม-ที่สี่-หรือทางเลือกอื่นๆอีกบ้างไหมนะ
หรือว่า...ไม่ว่าทางไหนก็ต่างเจ็บปวดเท่ากัน

โทรศัพท์สายนี้ จะบอกอะไรกับเรา
แล้วทำไมจะต้องมาบอก ในเช้าวันที่เราคิดว่าจะสดใสแล้วเชียว

10.19.2551

คืนที่...นอนไม่หลับ

ดูนาฬิกา
...เที่ยงคืนแล้ว
ยังนอนไม่หลับ
ทรมานจัง...

เลยตัดสินใจ
ลุกออกจากเตียงนอนอันแสนอบอุ่น
มานั่งบนเบาะ...
แล้วตามดูลมหายใจของตัวเอง
ตามดูความรู้สึกในเนื้อในตัวของตัวเรา

เพียงแค่นั่ง
นั่ง
นั่ง
แล้วก็นั่ง...

ดูนาฬิกาอีกครั้ง
...เกือบตีสองแล้ว

นอนดีกว่า...
นอนหลับตา แล้วรอดูว่าค่ำคืนนี้จะยาวนานสักเพียงไหน

ลืมตาขึ้นมาอีกครา
แล้วก็พบว่า ค่ำคืนที่แสนทรมานก็ได้ผ่านพ้นไป

10.13.2551

ณ ชูบีดู บาร์















มากิน ดื่ม พูดคุยตามประสา เรื่อง "รัก-รัก"
ณ ร้านชูบีดู บาร์

น้องสาว
กับความเจ็บปวดจากรักที่เพิ่งผ่านพ้นไป
แต่ก็ยังแอบหวังว่า คงมีสักวันที่จะกลับมาเป็นดังเดิม

น้องชาย
กับรักที่ไม่เคยเอื้อนเอ่ยบอก
แม้มันจะเอ่อล้น....จนไม่รู้จะทำไง

น้องสาวคนเล็ก
กับรักที่....

ตัวเอง
กับรักที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ก็อยากจะเปิดความเป็นไปได้ให้กับตัวเอง

ทรมานจัง...
กับเส้นทางรัก
สายทางรักทอดตัวยาว...ดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด

ทางสายนี้เราต้องเดินผ่านด้วยตัวของเราเอง
แบ่งปันเรื่องราวที่ผ่านพบกับน้อง-พี่
แต่ไม่อาจตัดสิน "การเดินทาง" ของกันและกันได้
รักในทุกเรื่องราวของ "ความรัก"
"รัก" ในความงดงามของความรัก

แม้มันจะเจ็บปวด และทรมาน หรือเศร้าสักเพียงไหน
ก็ยังดีที่มี "รัก"

10.08.2551

พักผ่อนในผ่อนพักฯ

















































ผ่อนพักฯ พักใจ พักกาย แต่ทำไมเศร้าจัง
.......
กิ่งไผ่
ดูมั่นคงแต่ไหวเอน
โดดเดี่ยว เดียวดาย
ไม่มีสีสัน ไม่มีดอก ไม่มีกลิ่น
เหงาแต่ไผ่ยังคงยืนหยัด เอนไหวไปกับสายลม สายแดด

เสียงไผ่ล้อลม หวานปนเศร้า
บทเพลงแห่งใบไผ่ไหว
บาดลึกถึงขั้วหัวใจ พร้อมเดียวดายไปกับไผ่ที่ไหวเอน
.......

10.02.2551

คืนและวัน-วันและคืน

วันและคืนที่แสนพิเศษ ณ ไร่ม่อนดินแดง
ร่วมภาวนากับเหล่าผองเพื่อน "จิตวิญญาณแห่งนักรบ"
วิถีความสงบเย็นท่ามกลางไฟแผดเผาร้อนแรง
ที่นำพาโดย โยคีตั้ม

ท้องฟ้าครึ้มฝนตลอดทั้งวัน ไอหมอกยามเช้า แสงแดดสุดท้ายที่ขอบฟ้าสวย
เสียงหัวเราะ คราบรอยน้ำตา
เรื่องราวที่ถ่ายทอดแบ่งปัน
นั่ง และนอนภาวนา ดูหนัง และนวด
โยคะและรำมวยยามเช้า
จัดดอกไม้รับอรุณ
วงพูดคุยยามค่ำคืน

ด้วยถ้อยคำของเพื่อนร่วมเดินทาง มีบางสิ่งบางอย่าง "เปิดเผย"
ด้วยความศักสิทธิ์ของบทสาธนา มีบางสิ่งบางอย่าง "สั่นไหว"
ด้วยภาพและเสียงภาษาที่ถ่ายทอดมาผ่านหนัง Big Fish
มีบางสิ่งบางอย่าง "เปราะบาง"
ด้วยธรรมชาติสรรค์สร้าง มีบางสิ่งบางอย่าง "คลี่คลาย"
ด้วยวาระที่เหมาะ มีบางสิ่งบางอย่าง "พร้อมที่จะเจ็บปวดและถูกแผดเผา"
นั่นคือ หัวใจของนักรบ

ไม่ว่าจะด้วยสิ่งใดๆ ที่ทำให้เกิดขึ้นภายใต้ฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกที่ปกคลุมนี้
เราจะดำรงอยู่กับมันด้วยหัวใจที่แสนเปราะบางนี้
หัวใจที่หวังจะมีแสงลอด ทอดผ่านเสมอ
เพราะหัวใจนี้เชื่อว่า เบื้องหลังความมืดมัวนั้น
คือ แสงทองของปัญญาที่กว้างไพศาล บนความว่างของพื้นที่ที่ไร้การตัดสินใดๆ

9.13.2551

บทเพลง

ไปดูคอนเสิร์ต รางวัลแด่คนช่างฝัน-จรัล มโนเพ็ชร มา
เพลงความหมายดีๆ ถูกนำมาขับร้องในท่วงทำนองใหม่
เพลงความหมายดีๆ ไม่ว่าจะถูกร้องโดยใคร ท่วงทำนองอย่างไร
ยังไงๆ ก็ยังคงเป็นเพลงที่ไพเราะ...

มีเพลงหนึ่งที่เราไม่เคยได้ฟังเลย "เพลงเมียวเมียว มูมู"
ลานนาและป๊อด ร่วมร้องขับขาน เพราะจับใจ
ช่างพอดีกับจังหวะการเต้นของหัวใจในช่วงเวลานี้
สื่อความหมายถึง สังคม ผู้คนและหัวใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี
เหมาะเจาะ ลงตัวในความรู้สึกของเราจังเลย....

เพลงบางเพลงฟังแล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
ภาพที่ลานนาจับมือกับแม่สุนทรี ก็ทำให้หัวใจเราสั่นไหว
จรัล...สิ่งที่คุณสื่อสาร บทเพลงที่คุณแต่งและขับขาน เราได้รับรู้แล้ว
มันตราตรึงในหัวใจของเราแล้ว

แล้วบทเพลงของเราล่ะ...
ท่วงทำนอง จังหวะ คำร้อง น้ำเสียง
บทเพลงที่เราแต่งและขับขานด้วยตัวของเราเอง
บางคราว...อาจมีคนอื่นๆ มาร่วมแจม
ร่วมบรรเลงและขับร้องแทรกเป็นระยะๆ
อาจจะฟังดูเพราะ หรือแปลกๆ ขัดๆ ขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง
ก็มันไม่มีอะไรที่ลงตัว สมบูรณ์อยู่แล้วนี่
แต่ไม่ว่าจะยังไง บทเพลงนี้ก็เพราะที่สุดในชีวิตของเราอยู่แล้ว
บทเพลงแห่งชีวิต...

9.10.2551

ขอบคุณรอยยิ้ม
















เพิ่งรู้ตัวว่า...
ไม่ได้หัวเราะแบบฮาๆ สนุกแบบเด็กๆ มานานแล้ว
ได้ทำอะไรที่บ้าๆ หลุดๆ แบบไม่ต้องอายใคร
อยากกินก็กิน อยากนอนก็นอน
(สงสัยว่าแก่แล้ว เลยอยากกลับไปเป็นเด็กนะเรา...)

คงเป็นเพราะเราได้ทิ้งไพ่ความเป็นเด็กน้อย ความสดใส มีชีวิตชีวาไปนานแล้ว
ตอนนี้คงถึงเวลาที่จะหยิบเก็บไพ่ใบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ปัดฝุ่น ทำความสะอาด แต่งแต้มรอยยิ้มให้กับชีวิต

ขอบคุณรอยยิ้มหวานๆ ตาหยีๆ ของน้องๆ นิติฯ มน.
ขอบคุณ วี กานต์ อิฐ อุ๊ เก๋ แนน อุ้ม พี่ตู่และพี่เล็ก
ที่ช่วยปลุกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม

จะลองต้อนรับวันใหม่ด้วยรอยยิ้ม
ยิ้มให้กับตัวเองในทุกๆเช้า
เอ๊า....หนึ่ง สอง สาม ยิ้มสิ เจน'รา
โลกใสๆ กำลังรอ เราอยู่

8.30.2551

รัก



















น้องสาว
อยู่ไกล ร้องไห้คนเดียวที่หัวหิน
หัวใจฉันสั่นไหว เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้

ความรัก
เศร้า...แต่อบอุ่น
หวาน...แต่บาดลึก
ร่อนเร้า...แต่อ่อนละมุน
เจ็บ...แต่ไม่จำ

ความรัก ความรัก ความรัก
ความรักทำให้คนเป็นเช่นนี้
หรือคนที่ทำให้ความรักเป็นเช่นนี้

แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่า หัวใจยังเต้นอยู่
ก็คือ รัก

8.26.2551

ไม่เคยมีรัก...ให้กับตัวเอง

ความรู้สึกอึดอัดภายในใจที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันเรียกว่าอะไรนะ...
วุ่นวาย สับสน ยังไงก็ไม่รู้
อยากจะก้มหน้าก้มตา กลับมาใช้แบบแผนอันคุ้นชินเดิมๆ แต่...ก็ทำไม่ได้
อยากเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แต่...ก็ไม่กล้า
บางครั้งก็รู้สึกว่า เหลือที่จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนะ
แต่เสียงเพรียกภายในกลับดังขึ้น ปล่อยใจเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันเถอะ

แว่วเสียงบอก..
เรากำลังตัดสินตัวเองอีกแล้ว อีกแล้วและอีกแล้ว
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า.......
ตัดสินตัวเองแล้วยังไม่พอ ตัดสินแทนคนอื่น
ซ้ำแล้วซ้ำอีก...
ชีวิตจะต้องกล้ำกลืนอยู่กับความทุกข์ทน หรือจะรุ่มรวยเปี่ยมล้นด้วยความสุข
เราเลือก หรือ ใครกันที่เลือกเรา
น้ำตายังไม่อาจหลั่งไหลออกมา แม้ว่าว่าจะเจ็บซ้ำสักปานใด
ริมฝีปากที่ไม่อาจแย้มยิ้มได้ แม้จะมีเรื่องราวประทับใจ สุขใจแค่ไหน
ลมหายใจที่แผ่วเบา กลับทำให้หัวใจเราหนักอึ้ง

ทำอย่างไรดี กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นใน หัวใจดวงนี้... ที่ไม่เคยมีรักให้กับตัวเอง

8.22.2551

เหงื่อ...

เช้านี้...
เล่นโยคะ มีเหงื่อออกทั้งตัว เหงื่อหยดไหลเป็นทาง

น่าแปลกเป็นที่สุด
ก็แต่ไหน แต่ไรมา ต่อให้ออกกำลังกายเหนื่อยแค่ไหน
วิ่งมาราธอน ปลูกป่า ทำความสะอาดบ้าน ร้อนแค่ไหน
เหงื่อก็ไม่เคยไหลอย่างนี้มาก่อน
อย่างมากก็แค่ซึมตามใบหน้าและเนื้อตัว

หลายต่อหลายคนบอกว่า "คนที่ไม่มีเหงื่อมักเป็นคนเก็บกด"
ก็คงจะจริงอย่างที่เขาว่าๆ กัน

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้
เรารู้สึกผ่อนคลายกับตัวเองหลายๆ อย่างมากขึ้น
เนื้อตัวของเราก็คงรับรู้ได้ถึงการผ่อนคลายนั้น

เหงื่อออก เรากลับรู้สึกโล่ง โปร่งสบาย ไม่ได้เหนียวตัวอย่างที่คิด
เอ้อ...กับแค่... เหงื่อออก... ทำไม เราจึงรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างนี้นะ

8.20.2551

ภาวนาด้วยการโอบกอด

เช้านี้...
ภาวนาด้วยการโอบกอดน้องสาวที่ร้องไห้เพราะอกหัก
นั่งอยู่กับน้องสาวและโอบกอดเขานานร่วมชั่วโมง

รับรู้ ร่วมเป็นสักขีพยานในความเจ็บปวดของเขา
ชั่วโมงยามที่ผ่านไปนั้น ฉันอยู่กับเขาอย่างแท้จริง
นี่แหละมั้ง...ที่เรียกว่า ร่วมแบ่งปันสุข-ทุกข์กับผู้อื่น

น้องสาวร้องไห้ สะอึกสะอื้นไห้ แต่เสียงแผ่วเบา
ฉันเพียงแต่อยู่กับเขา และบอกให้เขาว่า "ร้องไห้ดังๆเถอะ ให้โลกรู้ว่าแกเจ็บปวดแค่ไหน"
น้องสาวผู้น่ารักก็ค่อยๆ ร้องดังขึ้น ดังขึ้น

ฉันโอบกอดหัวใจอันเปราะบางของน้องสาวด้วยหัวใจที่เปราะบางของฉัน
ทำให้เรารู้ว่าหัวใจทั้งสองดวงของเรายังทำงานอยู่


ขอให้ก้าวผ่านความเจ็บปวดนะน้องที่รัก

8.19.2551

หลานชาย
















หลายชายคนเล็ก ๒ ขวบแล้ว
ยังพูดจาไม่เป็นคำ แต่รู้สึกว่าเรา "สื่อสารกันได้"

หลานชายตัวเล็กนิดเดียว แต่รู้สึกได้ว่า "มีพลังมากมาย"

สดใส ทุกสิ่งทุกอย่างดูน่าเรียนรู้ไปเสียหมด ในโลกใบน้อยของหลานชาย

ขอเก็บเกี่ยวความสดใส สดใหม่ พลังมากมายจากหลานชาย
ยามกอด ยามหอม ตอนอาบน้ำ ตอนเฝ้ามองหลานชายวิ่งเล่น

อยากกลับไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้งจริงๆ