9.13.2551

บทเพลง

ไปดูคอนเสิร์ต รางวัลแด่คนช่างฝัน-จรัล มโนเพ็ชร มา
เพลงความหมายดีๆ ถูกนำมาขับร้องในท่วงทำนองใหม่
เพลงความหมายดีๆ ไม่ว่าจะถูกร้องโดยใคร ท่วงทำนองอย่างไร
ยังไงๆ ก็ยังคงเป็นเพลงที่ไพเราะ...

มีเพลงหนึ่งที่เราไม่เคยได้ฟังเลย "เพลงเมียวเมียว มูมู"
ลานนาและป๊อด ร่วมร้องขับขาน เพราะจับใจ
ช่างพอดีกับจังหวะการเต้นของหัวใจในช่วงเวลานี้
สื่อความหมายถึง สังคม ผู้คนและหัวใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี
เหมาะเจาะ ลงตัวในความรู้สึกของเราจังเลย....

เพลงบางเพลงฟังแล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
ภาพที่ลานนาจับมือกับแม่สุนทรี ก็ทำให้หัวใจเราสั่นไหว
จรัล...สิ่งที่คุณสื่อสาร บทเพลงที่คุณแต่งและขับขาน เราได้รับรู้แล้ว
มันตราตรึงในหัวใจของเราแล้ว

แล้วบทเพลงของเราล่ะ...
ท่วงทำนอง จังหวะ คำร้อง น้ำเสียง
บทเพลงที่เราแต่งและขับขานด้วยตัวของเราเอง
บางคราว...อาจมีคนอื่นๆ มาร่วมแจม
ร่วมบรรเลงและขับร้องแทรกเป็นระยะๆ
อาจจะฟังดูเพราะ หรือแปลกๆ ขัดๆ ขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง
ก็มันไม่มีอะไรที่ลงตัว สมบูรณ์อยู่แล้วนี่
แต่ไม่ว่าจะยังไง บทเพลงนี้ก็เพราะที่สุดในชีวิตของเราอยู่แล้ว
บทเพลงแห่งชีวิต...

9.10.2551

ขอบคุณรอยยิ้ม
















เพิ่งรู้ตัวว่า...
ไม่ได้หัวเราะแบบฮาๆ สนุกแบบเด็กๆ มานานแล้ว
ได้ทำอะไรที่บ้าๆ หลุดๆ แบบไม่ต้องอายใคร
อยากกินก็กิน อยากนอนก็นอน
(สงสัยว่าแก่แล้ว เลยอยากกลับไปเป็นเด็กนะเรา...)

คงเป็นเพราะเราได้ทิ้งไพ่ความเป็นเด็กน้อย ความสดใส มีชีวิตชีวาไปนานแล้ว
ตอนนี้คงถึงเวลาที่จะหยิบเก็บไพ่ใบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ปัดฝุ่น ทำความสะอาด แต่งแต้มรอยยิ้มให้กับชีวิต

ขอบคุณรอยยิ้มหวานๆ ตาหยีๆ ของน้องๆ นิติฯ มน.
ขอบคุณ วี กานต์ อิฐ อุ๊ เก๋ แนน อุ้ม พี่ตู่และพี่เล็ก
ที่ช่วยปลุกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม

จะลองต้อนรับวันใหม่ด้วยรอยยิ้ม
ยิ้มให้กับตัวเองในทุกๆเช้า
เอ๊า....หนึ่ง สอง สาม ยิ้มสิ เจน'รา
โลกใสๆ กำลังรอ เราอยู่