12.22.2551

มาเถอะ...ความเจ็บปวด

ชีวิตช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ขอต้อนรับความเจ็บปวดและเชื้อเชิญให้มาดื่มด่ำกับพิษรักร่วมกัน

ในห้องแห่งการรักไม่เป็น ณ ซอกหลืบของห้องนั้น ปรากฏ
ความตาย...
ช่วงเวลาแห่งการรอคอย เพื่อการเกิดใหม่

ช่วงเวลานี้ บนเส้นทางที่แสนโดดเดี่ยว
ก็ต้องยอมรับและเผชิญกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่เราไม่อาจควบคุมได้
มาเถอะ...ความเจ็บปวด
โปรดกัดกินตัวตนและความอหังกาของฉันให้หมดไป

ใครจะเข้าใจได้?
แต่กระนั้นก็ยังคงขอบคุณ พี่สาวและน้องสาว
ที่ร่วมเป็นสักขีพยานแห่งความเจ็บปวดนี้
อ้อมกอดที่มีให้อย่างไม่ตัดสิน

นี่แหละ..คือสิ่งที่จะทำให้เราได้เกิดใหม่ในห้วงรักที่ไม่มีเงื่อนไข
สู่ประตูห้องแห่งการรักเป็น
อย่างน้อยสิ่งที่มี ก็คือ การได้รักใครสักคน

12.15.2551

เพาะชีวิตและความรัก


















มีโอกาสไปร่วมงาน ระพีเสวนา:การเรียนรู้เพื่อความเป็นไท
อาจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ กล่าวปาฐกถาได้บาดลึกโดนใจ
กระแทกหัวใจคนที่ทำงานด้านการศึกษาอย่างเราเอามากๆ

แม้ตอนนี้จะถ่ายทอดถ้อยคำที่อาจารย์กล่าวไว้ไม่ได้
แต่รู้สึกได้ว่า ถ้อยคำของอาจารย์ได้มาอยู่ในเนื้อในตัวของเราแล้ว

"เพาะชีวิตในการศึกษา เพาะความรักในการศึกษา"

เรารู้สึกว่า ตอนนี้เราทำงานที่เสมฯ
เรากำลังเพาะชีวิตและความรักของตัวเองและผู้อื่นอยู่

แล้วอีกไม่ช้าไม่นาน เราจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว
เราจะยังคงเพาะชีวิตและความรักให้กับตัวเองและผู้อื่นได้มั๊ย

ขอบคุณเสมฯที่ได้หยิบยื่นโอกาสให้เราได้ฝึกบ่มเพาะชีวิตและความรัก
เราจะยังเพาะชีวิตและความรักต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม...

12.10.2551

เท้าเดินทาง บนทางอันหนาวเหน็บ

ดาลัด-เวียดนาม เมืองแห่งดอกไม้ ท่ามกลางขุนเขาและทิวสน
มีทะเลสาบกว้างที่กลางเมือง มีผู้คนมาเดินวิ่งออกกำลังกาย

เราค่อยๆ เดินบนทางเท้ารอบทะเลสาบนั้น
แสงแห่งตะวันค่อยๆ หมดไป
ความมืดมิด แสงนีออน แสงดาวเดือน
และลมหนาวกำลังเข้ามาแทนที่

เท้าที่เดินกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศที่อ้อมล้อมไปด้วยสายน้ำ
ร่างกายกำลังพูดคุยตอบโต้กับสายลมหนาว
สายลมพัดผ่าน ไม่เพียงบาดผิวกาย แต่ยะเยือกถึงขั้วหัวใจ
มือสองข้างซุกซ่อนอยู่ภายใต้กระเป๋าเสื้อไหมพรมตัวเล็กๆ
เพื่อหลบลี้จากลมหนาว
แต่ดูเหมือนไม่ได้ผล ยังคงสะท้านทั้งกายและใจ

ผู้คนเริ่มเดินห่างออกไป-ออกไป
เป็นเพราะเราเดินช้าลงหรือว่าเขาเหล่านั้นเดินเร็วขึ้นนะ
ไกล-ไกล เมื่อไหร่จะครบรอบทะเลสาบแห่งนี้
ทำไมมันกว้างอย่างนี้นะ...
หรือเพราะลมหนาวและการเดินทางอันเดียวดาย
ทำให้ใจรู้สึกว่า ทางมันไกลและเหน็บหนาว

คิดถึงห้องพัก น้ำอุ่นๆและผ้าห่มอันอบอุ่นที่บ้านพักจัง

ค่อยๆ เดินไปนะ
ไปด้วยกันนะ...ลมหนาว
เดินเคียงข้างกันไปนะ...ความมืด
อยู่ด้วยกันนะ...ความเดียวดาย

ทางเท้านี้ วนรอบทะเสสาบ กว้างและไกล
แต่สิ้นสุดตรงจุดที่เราเริ่มต้นเดิน
แต่เท้าที่นำพาเราก้าวเดิน บอกว่า
ทางชีวิตที่เราต้องเดินยังอีกยาวไกล หนาวเย็น มืดมิด
และเดียวดายมากกว่านี้

จะทนได้ไหม... ใจกาย

เดิน เดิน ต่อไป
ไม่ว่าจะต้องเหน็บหนาว อ้างว้าง มืดมนบนเส้นทางสักเท่าใด
ในเมื่อมีหัวใจที่ยังเต้นอุ่นๆ อยู่ในร่างกาย
โอบกอดหัวใจดวงนี้ไว้ แล้วปล่อยให้ใจกายนำพาเราให้เดินต่อไป

อีกไม่ช้า ไม่นาน วันคืน ฤดูกาลก็จะหมุนเวียนเปลี่ยน
รอบแล้วรอบเล่า แต่เท้าของเราก็ยังคงเดินต่อไป จนกว่าร่างกายนี้จะดับสูญ
แล้วจิตวิญญาณดวงนี้จะก้าวเดินในร่างต่อไป

เดิน เดิน ต่อไป

ฮัลโหล..เวียดนาม ณ ดาลัด





















ลี้ภัยการเมือง มาเที่ยวเวียดนาม

"ดาลัด" เมืองแห่งดอกไม้ ท่ามกลางขุนเขาและทิวสน
บ้านน้อย-หลังเล็กน่ารัก ปลูกเรียงรายทั่วเมือง
เดินเล่นรอบทะเลสาบกว้างกลางเมือง
ลมหนาวพัดผ่าน หนาวสุดขั้วหัวใจ
คิดถึงใครบางคนที่คงกำลังหนาวอยู่ในที่อีกแห่งหนึ่ง

ทุกอย่างที่นี่ ดูเนิบช้า
แสงสุดท้ายของวัน ณ ทะเลสาบกลางเมืองดาลัด ทาบทอที่เส้นขอบฟ้า
อีกไม่กี่นาทีความมืดมิด แสงเดือนดาวจะมาเยือน
เพื่อจะบอกว่า แสงอบอุ่นแห่งยามเช้าจะมาแทนที่ลมหนาวในค่ำคืน

"ดาลัด" แล้วเราจะพบกันอีกครั้ง ในคืนวันที่ฉันยังมีแรงเดินทาง

12.03.2551

รัก...ที่ไม่อาจรัก

ทุกๆ ครั้งที่ฉันเห็นเธอต้องเจ็บปวดรวดร้าวใจ

ฉันได้แต่นั่งกอดเข่าและเฝ้าอธิษฐานให้ความเจ็บปวดนั้นจงจางคลาย

ฉันเฝ้ารอ...จนถึงห้วงขณะสุดท้าย

เพื่อให้เธอได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ฉันไม่อาจจะบอกออกไปได้

และฉันไม่รู้จะบอกอย่างไร

ว่าทำไมเราจึงไม่อาจย้อนกลับไปเป็นเราเหมือนเดิม...เฉกเช่นวันเก่าๆ ได้

ฉันจะขอยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว

ถ้าทำให้ใครต้องเจ็บปวด

ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยต้องการ...ให้มันเป็นอย่างนั้นเลย

*จากบางส่วนของบทเพลง Bizerra Love Tringle